ปลูกผักคื่นฉ่าย หรือผักคื่นช่าย

ผักคื่นฉ่ายหรือผักคื่นช่าย บางคนก็เรียกว่าผักขึ้นฉ่าย ที่ปลูกในดินบนโต๊ะปลูกยกขึ้นจากพื้นดินสูง 80 เซนติเมตร ใส่ดินและปุ๋ยคอกบนโต๊ะปลูกให้สูงประมาณ 20 เซนติเมตร มุงหลังคาด้วยพลาสติกใส สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี ดูแลง่ายเนื่องจากไม่มีหญ้าและวัชพืชรบกวน หมดปัญหาเรื่องโรคผักเน่าเสียช่วงหน้าฝน การหว่านเมล็ดคื่นฉ่ายนั้นสามารถทำได้สองวิธีคือ หว่านลงในโต๊ะปลูกเลย หรือหว่านเมล็ดลงในกระเบาะเพาะเมื่อต้นกล้าโตได้พอประมาณแล้วจึงย้ายมาปลูกบนโต๊ะปลูก การงอกของเมล็ดคื่นฉ่ายใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ รวมระยะเวลาตั้งแต่เพาะเมล็ดจนถึงสามารถเก็บกินได้อย่างน้อย 2 เดือน การเก็บนั้นควรเด็ดเป็นก้านใบมาเพราะจะทำให้แตกก้านใบใหม่ออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ต้นคื่นฉ่ายอยู่ได้นานหลายเดือน

การปลูกแก้วมังกร

การปลูกแก้วมังกรครั้งแรกเกิดขึ้นเนื่องจากผู้ปลูกชอบกินแก้วมังกรอยู่แล้ว เมื่อได้ศึกษาหาข้อมูลแล้วก็เห็นว่าไม่มีอะไรยุ่งยากจึงได้ลงมือปลูก เริ่มจากการหากิ่งก้านมาปักชำใช้เวลาประมาณ 3 เดือนก็จะเริ่มแตกหน่อใหม่แล้วค่อยนำไปปลูก โดยใช้เสาไม้เก่าที่เหลือใช้เมื่อฝังลงดินแล้วให้ได้ความสูงประมาณ 170 ซม ปลูกหลุมละ 3 ต้น เท่านี้ก็สำเร็จแล้วสำหรับการปลูกแก้วมังกรแบบง่าย การทดลองปลูกครั้งนี้ทั้งหมด 4 แถว ๆ ละ 10 หลุมปลูก ใช้ต้นกล้า 120 ต้น เป็นแก้วมังกรพันธุ์สีขาวทั้งหมด
ต้นกล้าแก้วมังกรพันธุ์สีขาว








พึ่งจะได้กิ่งก้านแก้วมังกรพันธุ์สีม่วงมาเพาะชำได้ประมาณ 20 กว่าต้น แต่กิ่งไม่ค่อยสมบูรณ์เพราะเป็นโรคเน่าและก็กิ่งก้านเล็กด้วย แต่เนื่องจากกิ่งพันธุ์สีม่วงหาไม่ค่อยได้ก็เลยเพาะชำแบบเน่า ๆ นี่แหล่ะ ไม่นานก็รู้ว่าจะเหลือกี่ต้น
ต้นกล้าแก้วมังกรพันธุ์สีม่วง

การปลูกเสาวรส หรือกระทกรก

ปัจจุบันนี้เริ่มมีการผลิตน้ำเสาวรสออกมาจำหน่ายมากทั้งแบบผลิตเองขายเองหรือผลิตขายในเชิงอุตสาหรกรรมอย่างเช่นยี่ห้อดอยคำหรือยี่ห้ออื่น ๆ ขายตามห้างสรรพสินค้าผู้ที่ต้องการดื่มสามารถหาซื้อได้งาย เริ่มเป็นที่รู้จักของคนมากขึ้นโดยทั่วไป การดื่มน้้าเสาวรสเป็นประจำทุกวันจะดีต่อสุขภาพตา ทำให้การมองเห็นชัดเจน เพราะในเสาวรสมีวิตามินเอสูง นอกจากนี้ยังช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ รักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ รสเปรี้ยวของเสาวรสยังช่วยลดอาการเจ็บคอ สร้างภูมิคุ้มกันโรค กำจัดสารพิษในเลือด บำรุงผิวพรรณ และช่วยฟื้นฟูตับและไตที่อ่อนแอ เป็นต้น


การเพาะต้นกล้าเสาวรส
นำเมล็ดจากผลเสาวรส หรือกระทกรก ที่สุกแล้วหวานลงในแปลงที่เตรียมไว้ หรือในกระถางก็ได้ ถ้าจะปลูกเพื่อการบริโภคใช้ผลเสาวรสลูกเดียวก็พอ จะได้ต้นกล้าประมาณ 40 ต้นขึ้นไป จากนั้นรดน้ำเป็นประจำวันละครั้งก็พอ ประมาณ 1 เดือนต้นกล้าก็จะเริ่มงอกออกมา เมื่อครบ 2 เดือนจึงค่อยย้ายลงถุงเพาะกล้า รดน้ำต่อไปอีกซักระยะเพื่อให้ต้นกล้าแข็งแรง เมื่อแปลงที่จะปลูกพร้อมก็สามารถนำไปปลูกได้เลย


การนำต้นกล้าเสาวรสไปปลูกในแปลง
เพื่อให้เสาวรสออกลูกในฤดูฝนซื่งเป็นช่วงที่ออกลูกดกมากที่สุด เนื่องจากได้น้ำฝนช่วยลดน้ำประหยัดแรงงานไปได้บ้าง ควรปลูกช่วงเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ พอเข้าหน้าฝนเสาวรสก็จะเริ่มออกดอกและติดผล การขุดหลุมปลูกกว้าง 1 ฟุต ยาว 1 ฟุต ลึก 1 ฟุต ก็เพียงพอ เพราะรากของเสาวรสจะลงไม่ลึก รองหลุมปลูกด้วยปุ๋ยคอกเกือบเต็มหลุม อันนี้สำคัญมากขาดไม่ได้ ถ้าจะใส่ปุ๋ยเคมีลงไปด้วยก็ได้ เมื่อปลูกแล้วคลุมหลุมปลูกด้วยฟางหรือหญ้าแห้งเพื่อให้เกิดชุ่มชื้นตลอดเวลาก็จะดีมาก จากนั้นรดน้ำอย่างสมำเสมอ
เมื่อต้นเสาวรสเริ่มโตก็ให้ดายหญ้าหรือกำจัดวัชพืชบริเวณรอบ ๆ ต้น และใส่ปุ๋ยคอกคลุมโคนต้นไว้เยอะ ๆ เท่านี้ก็พอแล้วไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีเลย แต่สำหรับตัวอย่างนี้จะใส่แกลบทับปุ๋ยคอกลงไปอีกชั้นหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มทำค้างให้เถามันเลื้อยขึ้น จะทำแบบใหนหรือใช้วัสดุอะไรแล้วแต่ว่าใครจะมีไอเดียแบบใหน



การปลูกเสาวรสหรือกระทกรกครั้งแรก
ผลจากการวางแผนปลูกอย่างเป็นขั้นตอนและเอาใจใส่ทำให้ผลผลิตออกมาอย่างน่าพอใจ เกินความคาดหวังที่ตั้งใจไว้แต่แรก ต่อไปก็รอดูว่าเมื่อผลสุกจะสามารถสร้างรายได้ให้เท่าใหร่

หลังจากได้ทำการดายหญ้าและวัชพืชออกแล้วก็ดูสะอาดตาน่าเดินชมภายในสวน พร้อมกับใส่ปุ๋ญคอกและเททับด้วยแกลบอีกทีเท่านี้ก็เพียงพอที่เสาวรสจะโตและออกดอกผลไปอีกนาน
 


Update ล่าสุดเมื่อเสาวรสเริ่มสุกแล้ว

 

วีดีโอการปลูกเสาวรสนี้ถ่ายหลังจากที่ผลเสาวรสเริ่มสุกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว